ทาทา ทิสคอน ชูนวัตกรรมเหล็กก่อสร้าง ประหยัดต้นทุน - ค่าขนส่ง รับน้ำมันแพง

22 กุมภาพันธ์ 2022

นับตั้งแต่ปลายปีพ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในไทยปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุว่า เมื่อเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับเพิ่มขึ้นไปแล้ว 27%

ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นครั้งใหม่ทำสถิตินิวไฮ ในรอบ 7 ปี โดยมีราคาสูงถึง 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่โกลด์แมนซาคส์ และเจพี มอร์แกนคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนต์ในปีนี้อาจพุ่งไปถึง 100 เหรียญสหรัฐฯ  แม้ว่ากลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันตามข้อตกลงขึ้นอีก 400,000 บาร์เรลต่อวัน ก็อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกลดความร้อนแรงลงได้  ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มคลี่คลาย  ทำให้หลายประเทศเริ่มเปิดประเทศ และสร้างกิจกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  ส่งผลความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบจะผันผวนไปถึงระดับเท่าใด เป็นเรื่องที่ยากจะคาดคะเน แต่ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ  คือ ประเทศไทยในฐานะผู้นำเข้าน้ำมันเกือบ 90% ของความต้องการใช้ หรือเฉลี่ย 860,000 บาร์เรลต่อวัน คนไทยจึงต้องทำใจยอมรับกับราคาขายปลีกที่ปรับเพิ่มขึ้นในทันทีที่ราคาตลาดโลกผันผวน และยังไม่รวมสินค้าบางประเภทที่ปรับราคาขึ้น เนื่องจากแบกภาระต้นทุนขนส่งที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว

ท่ามกลางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำอันดับ 1 ในการผลิตเหล็กเส้น ภายใต้ชื่อแบรนด์สินค้า “ทาทา ทิสคอน” ขอนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ประหยัดต้นทุนและประหยัดค่าขนส่ง  เพื่อช่วยลูกค้าประหยัดเงินในกระเป๋าในยุคน้ำมันแพง เริ่มจาก ทาทา ทิสคอน SD 50 , เหล็กเส้นขึ้นรูปตัดและดัด (Cut and Bend)  แลt เหล็กปลอกสำเร็จรูปพร้อมใช้  (ทิสคอน ซุปเปอร์ลิงค์)

ทาทา ทิสคอน SD 50 ลดปริมาณใช้เหล็กในโครงสร้าง

ลดต้นทุนงบประมาณ

ปัจจุบันมีเหล็กก่อสร้างคุณภาพที่แตกต่างกันคือ เช่น SD 30 SD 40 และ SD 50 ซึ่งมีคุณสมบัติรับแรงดึงได้สูงจากน้อยไปหามาก SD 50 ถือเป็นเหล็กเส้นที่รับแรงดึงได้มากที่สุดในมาตรฐานคุณภาพในเวลานี้ เมื่อรับแรงดึงได้มากจึงใช้ปริมาณเหล็กลดลง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายตามจำนวนน้ำหนักที่ใช้น้อยลง อีกทั้งยังมีความมั่นคงแข็งแรงได้ตามความต้องการที่หลากหลายขนาด และทุกความต้องการใช้งาน  ตามมาตรฐาน มอก. 24-2559

เหล็กเส้น ทาทา ทิสคอน SD 50   ผลิตภายใต้กระบวนการ EAF  ซึ่งเป็นกระบวนการหลอมน้ำเหล็ก สามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนได้ดี อีกทั้งยังมีกระบวนการพ่นก๊าซเพื่อกำจัดมลทินสิ่งสกปรกในน้ำเหล็กได้อย่างหมดจด จึงได้น้ำเหล็กเป็นเนื้อบริสุทธิ์เป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้ได้เหล็กเส้นแข็งแกร่งสูง สม่ำเสมอกันทุกเส้นตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน และได้ตามมาตรฐานผลิตเหล็กสากล

เหล็กเส้น ทาทา ทิสคอน คุณภาพ SD 50  มาพร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่น ตั้งแต่กระบวนการผลิตเหล็กข้ออ้อย ด้วยวิธี Thermo Mechanical Treatment (T.M.T) ที่จัดโครงสร้างภายในเนื้อเหล็กให้ได้คุณสมบัติ ความแข็งแรงแกร่งทนทานด้านผิวนอก และมีความเหนียวยืดหยุ่นสูงในแกนเหล็กด้านใน ด้วยคุณสมบัติกำลังที่มากกว่า สามารถรับแรงดึงได้สูงเหนือกว่า เหล็ก SD 40 ทั่วไป

ทำให้สามารถดัดโค้งงอได้ในวงแคบโดยไม่ปริแตกหักง่าย

ที่สำคัญ ช่วยลดต้นทุนงบประมาณ เนื่องจากลดปริมาณการใช้เหล็กในโครงสร้าง ทดแทนการใช้เหล็ก SD 30 และ SD 40 รวมทั้งลดต้นทุนในงานส่วนอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายค่าขนส่ง ค่าแรงงาน ค่าพื้นที่กองเก็บ  คุณภาพงานเพิ่มขึ้น เพราะสะดวกและง่ายในการทำงาน เทคอนกรีต เนื่องจากปริมาณเหล็กเส้นที่ใช้ลดลง มีพื้นที่ให้เทคอนกรีตเพิ่มขึ้น ทำให้ควบคุมคุณภาพงานได้ตามแผนงาน โดยเฉพาะงานก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น เสาตอม่อสะพาน ทางด่วน ตึกสูง หรือโครงสร้างขนาดใหญ่ต่าง ๆ ที่รับน้ำหนักมาก ต้องการความแข็งแรงเพื่อความปลอดภัย ซึ่งต้องใช้เหล็กเสริมรับแรงจำนวนมาก

จากข้อมูลสำรวจและเก็บข้อมูลตัวอย่างจากโครงการก่อสร้างที่ใช้ SD 50 โดยทีมงานวิศวกรบริการ คุณภาพเหล็กเส้น บมจ. ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ปี พ.ศ.2554  พบว่า เมื่อใช้เหล็กเส้นก่อสร้างชนิด SD 40 เปรียบเทียบกับ SD 50 แล้ว เหล็กเส้น SD 50 สามารถประหยัดปริมาณการใช้เหล็กเส้น ได้สูงสุดถึง 15-20% ของการใช้เหล็กเส้นทั้งหมดตามประเภทของการใช้งานก่อสร้าง   เช่น เสาเข็มเจาะ (Bored Pile) SD 50 ทดแทนการใช้ SD 40 ลดเหล็กได้ประมาณ 18%,  งานฐานราก (Footing)SD 50 ทดแทนการใช้ SD 40 ลดเหล็กได้ประมาณ 16%,  เสา (Column)SD 50 ทดแทนการใช้ SD 40 ลดเหล็กได้ประมาณ 18% , คาน (Beam) SD 50 ทดแทนการใช้ SD 40 ลดเหล็กได้ประมาณ 12%,  พื้น (Slab) SD 50 ทดแทนการใช้ SD 40 ลดเหล็กได้ประมาณ 10%,   ผนังลิฟท์ และกำแพงดิน (Shear Wall, Retaining Wall) SD 50 ทดแทนการใช้ SD 40 ลดเหล็กได้ประมาณ 15%

เจ้าของโครงการผู้ออกแบบ -วิศวกร

ผู้รับเหมา – ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากหล็กเส้นSD 50 ทั่วหน้า

จะเห็นได้ว่า เจ้าของโครงการ จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการใช้เหล็กเส้น SD 50 นั่นคือการประหยัดงบประมาณ เนื่องจากการใช้เหล็กเส้นลดลง โดยเปรียบเทียบกับการใช้เหล็กเส้น SD 30 จะใช้เหล็กเส้นในปริมาณลดลง 30-40% ของโครงการก่อสร้าง และเปรียบเทียบกับการใช้เหล็กเส้น SD 40 จะใช้เหล็กเส้นในปริมาณลดลง 15-20% ของโครงการก่อสร้าง

ในส่วนของผู้ออกแบบ การเลือกใช้เหล็กเส้น SD 50 เป็นอีกทางเลือกในการแก้ปัญหาเงื่อนไขในการออกแบบสำหรับงานโครงสร้างซึ่งเกี่ยวข้อง กับปริมาณการใช้เหล็ก การรับน้ำหนัก และความซับซ้อนของแบบ อันเนื่องด้วยคุณสมบัติของเหล็ก SD 40 ทั่วไปไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะงานโครงสร้างขนาดใหญ่ที่มีปริมาณเหล็กเสริมจำนวนมาก

ด้านวิศวกรก่อสร้าง / ผู้รับเหมางานก่อสร้าง การใช้เหล็กเส้น SD 50 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของผู้ทำงาน จากปริมาณเหล็ก ที่ลดลงส่งผลให้ระยะเวลาในส่วนของงานเหล็กสั้นลง รวมถึงงานเทคอนกรีตที่ง่ายและสะดวกมากขึ้น งานโครงสร้างที่ออกมาจึงมีคุณภาพตามมาตรฐานงานก่อสร้าง แข็งแรงปลอดภัย และเสร็จตามเวลาที่กำหนด

สุดท้าย ผู้บริโภค ผู้อยู่อาศัย คนทั่วไป ได้ความสบายใจ ด้วยเชื่อมั่นในความปลอดภัยของวัสดุเหล็กเส้นที่ใช้ได้มาตรฐานและเพิ่มความแข็งแรง ปลอดภัย ให้สิ่งก่อสร้าง และที่อยู่อาศัย  ซึ่งต้องอาศัยอยู่ทุกวัน

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หลายโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ต่างมั่นใจใช้เหล็กเส้น ทาทา ทิสคอน SD 50 อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิ, สะพานพระราม 8, รถไฟฟ้า, โครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร, คอนโดมิเนียม เดอะ เบส สุขุมวิท 77 เป็นต้น

เหล็กเส้นขึ้นรูป (Cut and Bend)

ประหยัดต้นทุน -ค่าขนส่งยุคน้ำมันแพง 

นวัตกรรมเหล็กเส้นขึ้นรูป ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานก่อสร้าง ลดการใช้แรงงานพื้นฐาน เหมาะสำหรับสถานการณ์ COVID-19  ขาดแคลนแรงงานในขณะนี้   ซึ่งงานก่อสร้างส่วนใหญ่ต่างเลือกใช้บริการเหล็กเส้นขึ้นรูป (Cut and Bend) มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 โดยมีตัวอย่างโครงการสำคัญๆ ดังนี้ สะพานข้ามอ่างเก็บน้ำลำปาว, ส่วนงาน Segment Concrete สนามบินสุวรรณภูมิ, “Girder” Southern Ring Road ,อาคาร Shangri-la Hotel, Condominium PACIFIC GENERAL, Rajadamri Tower, Millennium Resident Tower, โครงการ แมกโนเลียส์ ราชดำริ, โครงการ ลุมพินี คอนโด ทาวน์ ชลบุรี, อาคารเรียนเสนาธิการทหารบก เป็นต้น

“ทาทา ทิสคอน” มีบริการ “เหล็กเส้นขึ้นรูปตัดและดัด”  โดยนำเหล็กเส้นก่อสร้างมาตัดและดัดขึ้นรูปตามความต้องการของผู้ใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ประหยัดต้นทุนและประหยัดค่าขนส่งในยุคน้ำมันแพง  ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังต่อไปนี้   1.ทีมพนักงานบริการให้ข้อมูล และ คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ร่วมกับทีมผู้ใช้งาน  2.การควบคุมและจัดการเกี่ยวกับวัตถุดิบเหล็กเส้นที่ใช้ผ่านทางโรงงานผลิตเหล็กในเครือ ทาทา 3.เครื่องจักรที่ทันสมัย ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถตัดและดัดเหล็กได้ตามขนาด ความยาว และองศา ตามแบบที่ต้องการ  4.บริการจัดส่งตามกำหนดเวลาที่ลูกค้าต้องการ

ประโยชน์ของบริการ เหล็กเส้นขึ้นรูป (Cut and Bend) 1.ป้องกันการสูญเสียเศษเหล็กที่เหลือจากการตัดและดัดเหล็กหน้างาน และการตัดและดัดที่ไม่ตรงตามการใช้งาน 2.ป้องกันปัญหาเหล็กสูญหาย และไม่ต้องสั่งเหล็กเพิ่มจากที่ต้องการใช้จริงมาเก็บไว้ที่หน่วยงาน  3.ประหยัดต้นทุน ไม่ต้องเช่าพื้นที่กองเก็บเหล็กไว้สำหรับการตัดและดัด ไม่ต้องจ้างแรงงานเพิ่มไว้สำหรับการตัดและดัด  4.ประหยัดค่าขนส่ง หากต้องสั่งเหล็กเส้นเพิ่มจากที่วางแผนการใช้งานจริง  5.ประหยัดเวลา ในการให้แรงงานทำการตัดและดัดเหล็กที่หน่วยงาน  และ 6.เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้แรงงานที่มีอยู่ให้ทำงานในส่วนอื่น ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในหน่วยงานก่อสร้าง

เหล็กปลอกสำเร็จรูปพร้อมใช้  ทิสคอน ซุปเปอร์ลิงค์ 

ลดเวลาการตัด- ดัดเหล็กปลอกด้วยแรงงาน

โดยทั่วไป เหล็กปลอกจะใช้ยึดเหล็กแกนโครงสร้าง เสาหรือคานให้อยู่ในตำแหน่งที่ออกแบบไว้   เพื่อเสริมความแข็งแรงต้านทานการโก่งตัวของเหล็กโครงสร้าง เสาและคาน ช่วยเพิ่มการต้านทานรับน้ำหนัก ซึ่งจะช่วยให้โครงสร้างรับน้ำหนักได้มากขึ้น และยังทำหน้าที่รับแรงเฉือนในโครงสร้าง  ป้องกันการปริแตกของคอนกรีตในโครงสร้าง

เหล็กปลอกสำเร็จรูปพร้อมใช้ ทิสคอน ซุปเปอร์ลิงค์   ผลิตจากเหล็กเส้น ทาทา ทิสคอน เหล็กเต็ม 6 มิลลิเมตร ที่ได้มาตรฐานมอก. 20-2559 เส้นกลม และ มอก. 24-2559 ข้ออ้อย ใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เหล็กปลอกสำเร็จรูปทุกชิ้นได้ทั้งคุณภาพในการตัดและดัด ที่สำคัญมีองศาที่โค้งงอเท่ากันทุกเส้น ทำให้ได้รูปทรงที่ถูกต้องตามแบบ  อีกทั้งผิวยังเรียบ สม่ำเสมอ สวยงาม ง่ายต่อการผูกเหล็ก เพื่อความแข็งแรงของทุกโครงสร้าง  รับประกันคุณภาพผลิตจากเหล็กเส้น มอก.ทาทา ทิสคอน ทุกชิ้น

ทิสคอน ซุปเปอร์ลิงค์  สะดวกต่อการใช้งาน  สามารถนำไปใช้งานได้ทันที ทำให้งานเสร็จเร็ว และถูกต้อง โดยไม่มีเศษเหล็ก  ลดเวลาการตัดและดัดเหล็กปลอกด้วยแรงงาน  ซึ่งใช้เวลานานและคุณภาพของมุมองศาของเหล็กปลอกที่ดัดในชิ้นงานไม่ถูกต้องและไม่สม่ำเสมอ และยังลดความเสี่ยงจากเหล็กปลอกที่ไม่มีคุณภาพ

ล้อมกรอบ

ทำความรู้จัก บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย)

ผู้นำอันดับ 1 ในการผลิตเหล็กเส้นแบรนด์ “ทาทา ทิสคอน”

กลุ่มบริษัท ทาทา สตีล ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2450 เป็นผู้ผลิตเหล็กแห่งแรกในทวีปเอเชีย และเป็นผู้ผลิตเหล็กเอกชนรายใหญ่ที่สุด ในประเทศอินเดีย ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2549  ภายใต้ชื่อ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยโรงงานที่ผลิตสินค้าเหล็กมีทั้งหมด 3 แห่ง  ได้แก่  1. SISCO Plant จ.สระบุรี 2. SCSC Plant จ.ระยอง 3. NTS Plant จ.ชลบุรี  ซึ่งกำลังการผลิตรวมทั้งหมดที่ 1.7 ล้านตันต่อปี  นับเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการผลิตเหล็กเส้น ภายใต้ชื่อแบรนด์สินค้า “ทาทา ทิสคอน” ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายชั้นคุณภาพดังนี้ SR 24, SD 40, SD 50, เหล็กเส้นเหนียวพิเศษ (ต้านแรงสั่นสะเทือน แผ่นดินไหว), เหล็กเส้นขึ้นรูปพร้อมใช้ ตัดและดัด, เหล็กฉาก, เหล็กรางน้ำ, เหล็กปลอกสำเร็จรูป, เหล็กฐานรากสำเร็จรูป

 

บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อาคารรสาทาวเวอร์ 2 ชั้น 20 เลขที่ 555 ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กทม. 10900 โทร. 66-2937-1000 แฟกซ์ 66-2937-1646-47