นวัตกรรมที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างทุกรูปแบบ รับเทรนด์ก่อสร้างยุคใหม่

20 April 2022

ปัจจุบันวงการก่อสร้างของไทยก้าวหน้าและพัฒนาไปมาก ด้วยมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัยมาใช้ในงานก่อสร้าง ประกอบกับมีนวัตกรรมสินค้ามากมายที่ผู้ผลิตแต่ละรายต่างพัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องคุณภาพ และความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรม “เหล็ก”   ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของงานก่อสร้าง จะต้องพัฒนาให้ได้คุณสมบัติที่ตรงตามการใช้งานในแต่ละโครงการ  โดย “ทาทา ทิสคอน”  (TATA TISCON)  ถือเป็นแบรนด์เหล็กเส้นอันดับ 1 ในประเทศไทย ที่มียอดขายที่ดีที่สุดในประเทศ  และยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและผู้ผลิตรายเดียวที่ออกแบบเหล็กเส้นเหนียวพิเศษ ที่สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้   เนื่องจาก ทาทา ทิสคอน ได้พัฒนานวัตกรรมอย่างสม่ำเสมอ เช่น (SD50, Seismic, CAB, GB)   เพื่อคุณภาพที่เหนือกว่า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในงานก่อสร้าง ทั้งด้านความปลอดภัย ลดต้นทุนและเวลาในการก่อสร้าง และลดการสูญเสียทรัพยากร อีกทั้งยังใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงได้รับความไว้วางใจจากทั้งภาครัฐและเอกชน  นำสินค้านวัตกรรม “ทาทา ทิสคอน” ไปใช้ในโครงการขนาดใหญ่ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ, ไอคอนสยาม, รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT,  รถไฟฟ้า BTS และอาคารรัฐสภาตึกใหม่ เป็นต้น

กระบวนการผลิตนวัตกรรม “ทาทา ทิสคอน  ใช้การหลอมแบบเตาอาร์คไฟฟ้า (EAF)   เพื่อให้ส่วนผสมในสินค้ามีความสม่ำเสมอ สินค้าทุกล็อตผ่านการทดสอบถึง 3 ครั้ง สร้างความมั่นใจในคุณภาพตามมาตรฐานสากล และมีใบรับรองการันตีคุณภาพจากโรงงาน  พร้อมด้วยทีมเทคนิคที่พร้อมให้บริการหลังการขายอย่างทันท่วงที  ในกรณีที่ลูกค้ามีปัญหาหรือข้อสงสัย จะได้รับบริการภายใน 48 ชั่วโมง

เหล็กเส้นเหนียวพิเศษ ความเหนือกว่าที่มาพร้อมความมั่นใจ

เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้อยู่อาศัย

“ทาทา ทิสคอน” สร้างความเหนือกว่าด้วยนวัตกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานก่อสร้างที่แตกต่างกันตามลักษณะของงาน เริ่มจาก  เหล็กเส้นเหนียวพิเศษ TATA TISCON Super Ductile   ซึ่งพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า  ทั้งเหนียวขึ้นและแกร่งขึ้น  ควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอน มาพร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ 1.ดัดง่ายกว่า ด้วยเนื้อเหล็กที่เหนียวมากกว่าเหล็กเส้นทั่วไปถึง 20% ช่วยให้ดัดโค้ง ได้มากกว่าโดยไม่แตกร้าวทำให้โครงสร้างแข็งแรงขึ้น  2. มีการยืดตัวที่ดีกว่า ทำให้การส่งผ่านแรงในเหล็กมีความสม่ำเสมอเหนือกว่าเหล็กทั่วไป โครงสร้างที่ใช้เหล็กเหนียวพิเศษจะยืดตัวได้มากกว่าโครงสร้างที่ใช้เหล็กทั่วไปกว่า 15%  3.รับพลังงานได้มากกว่า ด้วยโครงสร้างที่ใช้เหล็กเหนียวพิเศษจะรับพลังงานได้มากกว่าโครงสร้างที่ ใช้เหล็กทั่วไปกว่า 25%  4.เทียบเท่ามาตรฐานต่างประเทศ มีการควบคุมคุณสมบัติเหล็กเส้นเหนียวพิเศษตามมาตรฐานสากล  เช่น BS (อังกฤษ), SS (สิงคโปร์), EC2 (ยุโรป), ASTM (อเมริกา) ซึ่งจะช่วยชะลอการพังทลายของโครงสร้างจากภัยพิบัติ เพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัย

เหล็ก SD50 ทาทา ทิสคอน  

มีดีที่ประหยัดค่าใช้จ่าย

เหล็กเส้น ทาทา ทิสคอน SD50  มีหลากหลายขนาดทุกความต้องการใช้งาน (DB 8 – DB 40) ตามมาตรฐาน มอก.24-2559  มีทุกขนาดตั้งแต่ 8-40 มม.ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรงเหนือกว่ามาตรฐาน มอก. มาพร้อมคุณสมบัติเด่นตั้งแต่กระบวนการผลิตเหล็กข้ออ้อย ด้วยวิธี Thermo Mechanical Treatment (T.M.T) ที่จัดโครงสร้างภายในเนื้อเหล็กให้ได้คุณสมบัติ ความแข็งแรงแกร่งทนด้านผิวนอก และมีความเหนียวยืดหยุ่นสูงใน แกนเหล็กด้านใน ทำให้สามารถดัดโค้งงอในวงแคบ โดยไม่ปริแตกหักง่าย ดัดโค้งได้มากกว่าเหล็ก SD 50 มาตรฐานทั่วไป อีกทั้งยังมีคุณสมบัติกำลังที่มากกว่า สามารถรับแรงดึงได้สูงเหนือกว่าเหล็ก SD 50 ทั่วไป

เราจะพาไปดูว่าเหล็กเส้นข้ออ้อย SD 50 หากใช้ในงานก่อสร้างแล้วจะดีอย่างไร เหล็ก SD 50 เป็นเหล็กที่สามารถรับแรงดึงได้สูงที่สุดในขณะนี้  ผู้รับเหมา เจ้าของโครงการ  และ Developer ต่างเลือกใช้กันมากที่สุด เพราะนอกจากจะมีกำลังรับแรงสูงกว่าเหล็ก SD 40 แล้ว ยังช่วยลดปริมาณเหล็กเสริมในโครงสร้างได้ถึง 20% อีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งานเหล็ก SD 40 และ SD 50 จะมีการใช้งานแตกต่างกันดังนี้ (ตามรูปภาพ ตัวอย่าง)

  • เมื่อทดแทนการใช้ในผนังลิฟท์และกำแพงดินลดปริมาณลงได้ถึง 15%
  • เมื่อทดแทนการใช้ในพื้นลดปริมาณลงได้ถึง 17%
  • เมื่อทดแทนการใช้ในคานลดปริมาณลงได้ถึง 21%
  • เมื่อทดแทนการใช้ในเข็มเจาะและเสาลดปริมาณลงได้ 22%
  • เมื่อทดแทนการใช้ในฐานรากลดปริมาณลงได้ถึง 20%

หลายโครงการก่อสร้าง มั่นใจใช้เหล็กเส้นทาทา ทิสคอน SD50

 เจ้าของโครงการ  จะประหยัดงบประมาณ เนื่องจากการใช้เหล็กเส้นลดลง โดยเปรียบเทียบกับการใช้เหล็กเส้น SD 30 จะใช้เหล็กเส้นลดลง 30-40% และเปรียบเทียบกับการใช้เหล็กเส้น SD 40 จะใช้เหล็กเส้นลดลง 15-20% ของโครงการก่อสร้าง

ผู้ออกแบบ  สำหรับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ที่มีปริมาณเหล็กเสริมจำนวนมาก การเลือกใช้เหล็กเส้น SD 50 เป็นอีกทางเลือกในการแก้ปัญหาเงื่อนไขในการออกแบบสำหรับงานโครงสร้าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับปริมาณการใช้เหล็ก การรับน้ำหนัก และความซับซ้อนของแบบ   เนื่องจากคุณสมบัติของเหล็ก SD 40 ทั่วไปไม่สามารถทำได้

วิศวกรก่อสร้าง และ ผู้รับเหมางานก่อสร้าง การใช้เหล็กเส้น SD 50 ทำให้ปริมาณเหล็กที่ใช้ลดลง ส่งผลให้ระยะเวลาในส่วนของงานเหล็กสั้นลง และทำให้งานเทคอนกรีตง่ายและสะดวกมากขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โครงสร้างที่ออกมาจึงมีคุณภาพตามมาตรฐานงานก่อสร้าง แข็งแรงปลอดภัย และเสร็จทันตามเวลาที่กำหนด

ผู้บริโภค ผู้อยู่อาศัย คนทั่วไป ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของวัสดุเหล็กเส้นที่ได้มาตรฐานและเพิ่มความแข็งแรง ปลอดภัย ให้สิ่งก่อสร้างที่อยู่ที่อาศัยในชีวิตประจำวัน

                                                    

เหล็กปลอกสำเร็จรูป  TISCON SUPERLINKS  

รับกำลังได้เต็มประสิทธิภาพ –  โครงสร้างที่แข็งแรงกว่า

หลายคนอาจมองข้ามคุณภาพเหล็กหรือวิธีการใช้เหล็ก ต่างก็มีความสำคัญในการเพิ่มความแข็งแรงและยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากกว่าเดิม เหล็กปลอกเป็นอีกส่วนประกอบในการสร้างบ้านหรือโครงการต่างๆ เพราะเหล็กปลอกช่วยรับน้ำหนักของเสาหรือคาน ป้องกันการแตกของคอนกรีต  โครงสร้างขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ การใช้เหล็กปลอกมาตรฐานมีคุณภาพ เชื่อถือได้ยิ่งช่วยรับน้ำหนักของโครงสร้างได้ดียิ่งขึ้น  และนั่นคือคำตอบว่า เหล็กปลอกเหมาะสำหรับทุกการใช้งานโครงสร้างนั่นเอง

เหล็กปลอกสำเร็จรูป ทาทาทิสคอน ซุปเปอร์ลิ้งค์                                   

  • ผลิตจากเหล็กเส้น ทาทา มาตรฐาน มอก.
  • ลดขั้นตอนในการทำงาน ลดระยะเวลาในการก่อสร้าง
  • ลดต้นทุนจากการตัดเหล็ก ลดการเกิดเศษเหล็ก
  • งานเสร็จเร็ว
  • คุณภาพสม่ำเสมอทุกชิ้น

เหล็กปลอกสำเร็จรูป  TISCON SUPERLINKS  มีทั้งแบบที่ผลิตจาก เหล็กเส้นกลมและเหล็กข้ออ้อย  ที่ได้มาตรฐานมอก. โดยการตัดและดัดด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติที่ทันสมัย ให้เป็นรูปร่างเดียวกับพื้นที่หน้าตัดของเสาหรือคาน เพื่อสวมครอบเหล็กยืน หน้าที่ของเหล็กปลอกจึงมีเพื่อความแข็งแรงของโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก

               ทาทา ทิสคอน เราจึงคิดค้นวิธีในการผลิตเหล็กปลอกสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ “ทาทา ซุปเปอร์ลิ้งค” (TATA SUPERLINKS) เพื่อความสะดวกในการใช้งานของช่าง และความมั่นใจในการใช้งานยาวนานขึ้นของผู้ที่อยู่อาศัย     ไม่เพียงแต่เหล็กปลอกมีมาตรฐานสำหรับบ้านเท่านั้นแต่เรายังผลิตเหล็กปลอกสำเร็จรูปอีกหลากหลายขนาดเพื่อตอบสนองทุกโครงการและทุกพื้นที่งานอีกด้วย                  

เหล็กเสริมฐานรากสำเร็จรูป (Footing)

ลดต้นทุนด้านกระบวนการจัดการเหล็ก

เหล็กเสริมฐานรากสำเร็จรูป  ทิสคอน ซุปเปอร์เบส (TISCON SUPERBASE) เราไม่เพียงพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรม  เพื่อช่วยให้ช่างทำงานได้เร็วขึ้นแต่เรายังเข้าใจกับทุกโครงสร้างของการใช้เหล็กอย่างงาน Footing (ฐานราก) เราพัฒนา Footing แบ่งเป็น 2 ชนิด ในหลากหลายขนาดเพื่อตอบโจทย์ทุกลักษณะงานฐานราก ครอบคลุมทุกความต้องการในการใช้งาน อีกทั้งยังช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ลดระยะเวลาในการก่อสร้าง  ลดต้นทุนการดัดเหล็ก มีคุณภาพสม่ำเสมอ ที่สำคัญงานเสร็จไวตามเวลาที่กำหนด

เหล็ก Footing สำเร็จรูป   เป็นผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นที่ตัดดัด ประกอบ พร้อมใช้งาน สำหรับงานฐานรากโครงสร้างขนาดเล็ก ตามแบบมาตรฐานทางวิศวกรรมศาสตร์  ผลิตจากเหล็กเส้น ทาทา ทิสคอน คุณภาพสูง ผ่าน มอก. ทั้งหมด รูปแบบ กระบวนการตัดดัด และ ประกอบ ตรงตามมาตรฐานทางวิศวกรรม  คุณภาพสม่ำเสมอทุกชิ้นงาน  ทำให้ใช้งานง่าย และลดกระบวนการทำงานเหล็ก  เหมาะสำหรับงานบ้าน และอาคาร เหล็ก Footing สำเร็จรูปเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่จะช่วยให้งานฐานรากกลายเป็นเรื่องง่ายกับเหล็กเสริมฐานรากสำเร็จรูป Tiscon Superbase ที่เราออกแบบตามมาตรฐานงานโยธาผลิตด้วยเครื่องจักรทันสมัยได้องศาโครงสร้างแข็งแรงขึ้นรูปด้วยการผูกเหล็ก 2 ชั้น แกร่งทนทุกโครงสร้าง  เพราะชั้นดินแต่ล่ะพื้นที่มีความแตกต่าง เหล็ก Footing ฐานราก จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวางฐานรากของการก่อสร้าง และจะมีการแบ่งตามลักษณะออกเป็น 2 ชนิด

  1. ฐานรากตื้น(Shallow Foundation) เป็นฐานรากที่วางอยู่บนพื้นดินโดยตรง และไม่มีเสาเข็มรองรับเหมาะกับสภาพดินที่เป็นลูกรัง พื้นที่ภูเขาไฟ ฯลฯ
  2. ฐานรากลึก (Deep Foundation) เป็นฐานรากที่ถ่ายน้ำหนักลงสู่ดินด้วยเสาเข็ม เนื่องจากชั้นดินบนเป็นดินอ่อน ไม่สามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้โดยตรง การออกแบบฐานรากเสาเข็ม มักมีขาดและความลึกที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักให้เหมาะสมกับชั้นดินในแต่ละพื้นที่

สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ SD40

DB8 เหล็กคุณภาพสูง ที่ช่วยประหยัดงบประมาณการก่อสร้าง ช่วยลดต้นทุนเหล็กเสริมในโครงสร้าง จากการใช้ปริมาณเหล็กที่ลดลง ทำให้ผู้ออกแบบมีตัวเลือกในการใช้เหล็กเสริมได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ง่ายต่อการทำงาน ทำให้การจัดตำแหน่งเหล็กในพื้นและผนังทำได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ระยะหุ้มคอนกรีตในโครงสร้างเพิ่มมากขึ้น  ทั้งนี้เหล็กข้ออ้อยช่วยยึดเกาะคอนกรีตได้ดีกว่าเหล็กเส้นกลม

เหล็กเส้นข้ออ้อยคุณภาพ SD40 DB8 ผลิตตามมาตรฐาน มอก. 24-2559  มีให้เลือกทั้งขนาดความยาว 10 เมตรและ 12 เมตรเหมาะสำหรับงานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กทุกประเภท สามารถใช้ในงานก่อสร้างได้อย่างหลากหลาย นอกจากจะเหมาะสำหรับงานก่อสร้างโครงสร้างอาคารทุกประเภทแล้ว ยังสามารถใช้แทนเหล็กเส้นข้ออ้อย SD40 DB10 หรือ SD40 DB12 ในงานพื้นหรืองานผนัง ที่มีการเสริมเหล็กเกินการคำนวณทางวิศวกรรมศาสตร์

เหล็กเส้นข้ออ้อย SD40 Non T, SD50 Non T เป็นเหล็กที่ไม่ผ่านกระบวนการสเปรย์น้ำที่ผิวเหล็กในกระบวนการรีด หรือ Thermal Mechanical Treatment แต่ใช้วิธีการปล่อยให้เหล็กเย็นตัวตามธรรมชาติ และควบคุมส่วนผสมทางเคมี เพื่อเพิ่มคุณสมบัติความแข็งแรงของเหล็ก ทำให้เหล็ก Non T มีคุณสมบัติทนต่อความล้า (Fatigue)ได้ดีกว่าเหล็กเส้นทั่วไปเหมาะสำหรับใช้ในงานโครงสร้างที่รับแรงซ้ำไปซ้ำมา เช่น งานสะพาน   อาคารสูง ฯลฯ

หน้าตัดเหล็ก Non T

เหล็กเส้น Non T ทาทา  ทิสคอนทุกขนาดยังผ่านการรับรองคุณสมบัติทนต่อความล้า (Fatigue)  ที่การทดสอบ 5 ล้านรอบ  ซึ่งเป็นการทดสอบตามมาตรฐานสากล หรือ BS EN ISO 15630- 1:2010  จากสถาบันทดสอบในประเทศสิงคโปร์            จึงมั่นใจได้ว่าโครงสร้างที่ใช้เหล็กเส้น Non T ทาทา ทิสคอน จะมีความแข็งแรง ปลอดภัย มีอายุการใช้งานนานกว่าเหล็กทั่วไป

บริการ ตัด และ ดัด (Cut & Bend)

ประหยัดเวลา ควบคุมต้นทุน และคุณภาพงานได้ง่ายขึ้น

 นอกจากนี้ ทาทา ทิสคอน  ยังมีบริการตัดดัดเหล็กเส้นตาม Bar Cut List ที่ช่วยลดปัญหางานเหล็กในโครงการก่อสร้าง  ซึ่งจะช่วยควบคุมต้นทุน เวลา และคุณภาพงานให้ง่ายขึ้น  โดยประโยชน์ที่ได้รับจากบริการนี้มี 4 ประการคือ 1.ลดงานผู้รับเหมา  เนื่องจากไม่ต้องตัด และดัดเหล็กเอง 2.ลดเวลาการทำงาน  ไม่เสียเวลาในการตัด และดัดเหล็ก 3.ลดปัญหาการทำงาน  เพราะเป็นเหล็กตัดและดัดที่ผลิตโดยเครื่องจักรที่ทันสมัย และแม่นยำทำให้ได้ชิ้นงานที่ได้มาตรฐาน และ 4.เหลืองบประมาณ  เมื่อคำนวณต้นทุนรวม ทั้งค่าแรงตัดและดัด ค่าขนส่งและต้นทุนแฝงอื่นๆ การใช้เหล็กตัดและดัด CUT & BEND ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการตัดและดัดเหล็กด้วยตัวเอง

เหล็กเส้นขึ้นรูปตัดและดัด (Cut and Bend) เป็นบริการนำเหล็กเส้นก่อสร้างมาตัดและดัดขึ้นรูปตามความต้องการของผู้ใช้งาน ด้วยคุณสมบัติเด่นดังนี้ ผลิตจากเหล็กเส้น ทาทา ทิสคอน คุณภาพสูงผ่าน มอก.ทั้งหมด  ตัดและดัดด้วยกระบวนการที่ทันสมัย ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถตัดดัดได้ตามขนาด   ความยาว และองศาตามแบบที่ต้องการ มีทีมพนักงานบริการให้ข้อมูล และคำปรึกษาอย่างใกล้ชิดร่วมกับผู้ใช้งาน  รวมทั้งบริการจัดส่งตามกำหนดเวลาที่ลูกค้าต้องการ

 6 ประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้บริการเหล็กเส้นขึ้นรูป (Cut and Bend) คือ 1.ป้องการการสูญเสียเศษเหล็กที่เกิดจากการตัดและคัดเหล็กหน้างาน รวมถึงการตัด และดัดที่ไม่ตรงตามการใช้งาน 2.ป้องกันปัญหาเหล็กสูญหายและไม่ต้องสั่งเหล็กเพิ่มจากที่ต้องการใช้จริงมาเก็บไว้ที่หน่วยงาน 3.ประหยัดเวลาในการให้แรงงาน ทำการตัดและดัดเหล็กที่หน่วยงาน 4.เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้แรงงานที่มีอยู่ให้ทำงานในส่วนอื่น ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในหน่วยงานก่อสร้าง 5.ประหยัดต้นทุน โดยไม่ต้องเช่าพื้นที่กองเก็บเหล็กสำหรับตัดและดัด  อีกทั้งไม่ต้องจ้างแรงงานเพิ่มไว้สำหรับการตัดและดัด 6.ประหยัด  ค่าขนส่ง หากต้องสั่งเหล็กเส้นเพิ่มจากการที่วางแผนใช้งานจริง