ด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งเหล็กเส้น เหล็กเส้นเหนียวพิเศษ ที่สามารถต้านทานแรงแผ่นดินไหวได้ เหล็ก SD50 เหล็กเส้นชนิด Non-T เหล็กเดือยชนิดพิเศษ (Dowel bar) เหล็กปลอกสำเร็จรูป เหล็กเสริมฐานรากสำเร็จรูป (Footing) เหล็กเส้นคุณภาพ SD40 DB8 และบริการตัดและดัด (Cut & Bend) เหล็กเส้นก่อสร้างสำเร็จรูป ซึ่งตอบโจทย์งานก่อสร้างอย่างครบทั้งวงจร ทั้งในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย ลดต้นทุนและเวลา และลดการสูญเสียทรัพยากร ทำให้ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำอันดับ 1 ในการผลิตเหล็กเส้น ภายใต้ชื่อแบรนด์สินค้า “ทาทา ทิสคอน” ซึ่งมียอดขายที่ดีที่สุดในประเทศ จึงได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานของภาครัฐ นำนวัตกรรม “ทาทา ทิสคอน” ไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศไทย ทั้งโครงการเมกะโปรเจ็กต์ และโครงการก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งโครงข่ายถนนอีกมากมายหลายเส้นทาง นับได้ว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
อีกหนึ่งความภูมิใจของทาทา สตีล (ประเทศไทย) คือ “ทาทา ทิสคอน” ได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการสำคัญของกรมทางหลวง ซึ่งมีแผนงานก่อสร้างโครงข่ายถนนวงแหวน-ทางเลี่ยงเมืองกว่า 57 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหารถติดและรองรับการขยายตัวของเขตเมืองในจังหวัดหลักๆ ทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมือง-วงแหวนรอบนอก จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับจังหวัดหลักๆ ของประเทศที่มีอัตราการเติบโตปริมาณจราจรสูง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการจราจรติดขัดแล้ว ยังสามารถลดปัญหาอุบัติเหตุ รวมถึงช่วยรองรับการกระจายความเจริญลงสู่ท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
สำหรับทางเลี่ยงเมืองและถนนวงแหวนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จในปี 2566-2567 มีทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่
- ทางเลี่ยงเมืองเชียงของ จ.เชียงราย ระยะทาง 9.103 กม.วงเงินก่อสร้าง 1,044 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2567
- ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ด้านตะวันออก ตอนแยกทางหลวงหมายเลข 117-บรรจบทางหลวงหมายเลข 225 ระยะทาง 20 กม. วงเงินก่อสร้าง 3,196 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2567
- วงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา วงเงินงบประมาณ 7,650 ล้านบาท แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2566
- ทางเลี่ยงเมืองหนองคาย (ด้านตะวันออก) วงเงินงบประมาณ 2,893 ล้านบาท แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2566
- ทางเลี่ยงเมืองบึงกาฬ วงเงินงบประมาณ 1,714 ล้านบาท แล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2566
- ทางเลี่ยงเมืองปัตตานี วงเงินงบประมาณ 1,851 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2567
7.ทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ ด้านตะวันออก วงเงินงบประมาณ 569 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จเดือนเมษายน 2566
กรมทางหลวงได้จัดทำแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง (Action Plan) ระยะยาว 10 ปี ระหว่างปี 2568-2578 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณเขตเมือง โดยแบ่งการศึกษาเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 ศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจวิศวกรรม และตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และส่วนที่ 2 วิเคราะห์ความคุ้มค่า และจัดลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อทำแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมืองทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับแผนพัฒนาทางเลี่ยงเมือง 10 ปี มีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวม 25 แห่งทั่วประเทศ ระยะทางรวมทั้งสิ้นกว่า 484.05 กม. แบ่งเป็นภาคเหนือ 7 แห่ง ระยะทาง 116.6 กม. ภาคกลาง 4 แห่ง ระยะทาง 116.7 กม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่ง ระยะทาง 119.6 กม.และภาคใต้ 7 แห่ง ระยะทาง 131.15 กม.
นอกจากโครงข่ายถนนวงแหวน-ทางเลี่ยงเมืองของกรมทางหลวงแล้ว ยังมีโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ที่เป็นโอกาสสำคัญของประเทศ เพื่อเป็นสะพานที่จะเชื่อมโยงในการพัฒนา เศรษฐกิจและเชื่อมโยงตลาดการค้าระหว่างกลุ่มประเทศแถบลุ่ม แม่น้ำโขง เนื่องจากไทยถือเป็นศูนย์กลางของอินโดจีน ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ระยะทางรวม 250 กิโลเมตร วงเงินรวม 180,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 14 สัญญา แต่ละสัญญามีความต้องการใช้เหล็กก่อสร้างในส่วนงานโยธาประมาณ 16,000 ตัน ในสัญญาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสัญญาที่ 1 ทาทา สตีล ได้ทำสัญญาขายเหล็กก่อสร้าง SD 40 ชนิดพิเศษ โดยเพิ่มสารเคมี-อัลลอยด์ตามความต้องการของงานก่อสร้างในปริมาณ 12,000 ตัน ซึ่งผ่านการตรวจสอบมาตรฐานโดยสถาบันตรวจสอบจากสิงคโปร์
สำหรับความคืบหน้าของโครงการฯ หลังจากการก่อสร้างงานโยธาทั้ง 14 สัญญา ทยอยแล้วเสร็จ ฝ่ายจีนจะเข้ามาวางระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ระบบอาณัติสัญญาณ รวมทั้งจัดหาขบวนรถ ซึ่งทุกอย่างจะแล้วเสร็จในปี 2568 และเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ได้ในปี 2569 เป็นต้นไป
อีกหนึ่งโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่มีความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาระบบรางระดับชาติตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานหลักด้านคมนาคม ที่จะเชื่อมโยงระหว่างท่าอากาศยานหลักของประเทศ คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และนำความเจริญเติบโตด้านต่างๆ เข้าสู่พื้นที่ EEC สร้าง New S-Curve ให้กับเศรษฐกิจของไทย
โครงการดังกล่าวนี้ใช้โครงสร้างและแนวเส้นทางการเดินรถเดิมของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแอร์พอร์ตลิงค์ (Airport Rail Link) ที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน โดยจะก่อสร้างทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร (Standard Gauge) ส่วนต่อขยาย 2 ช่วงจากสถานีพญาไท ไปยังสนามบินดอนเมือง และจากสถานีลาดกระบังไปยังสนามบินอู่ตะเภา พร้อมเชื่อมเข้าออกสนามบิน โดยใช้เขตทางเดิมของการรถไฟฯ เป็นส่วนใหญ่ รวมระยะทาง 220 กม. ใช้ผู้เดินรถรายเดียวกัน โดยรถไฟความเร็วสูงมีความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. เชื่อมกรุงเทพฯ กับพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 นาที ซึ่งทาทา สตีล (ประเทศไทย) สามารถผลิตเหล็กตามสเปคหรือตามมาตรฐานที่ผู้รับเหมาก่อสร้างต้องการได้
ในส่วนของโครงการอื่นๆ ที่ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ได้เข้าไปมีส่วนสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ลดต้นทุนการก่อสร้าง บริหารแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อนในการขนย้าย ฯลฯ เพื่อเตรียมรับมือกับบริษัทผู้รับเหมาต่างชาติที่เริ่มขยายมายังธุรกิจก่อสร้างของไทย อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังลมชัยภูมิ-มุกดาหาร โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีชมพู และสีเหลือง อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส2 โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 บางปะอิน -นครราชสีมา (M6) และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81)
โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 บางปะอิน -นครราชสีมา (M6)
โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81)